3 เครื่องมือทางเทคโนโลยีสุดทรงพลังที่จะช่วยคุณบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างราบรื่น

การดูแลบริหารธุรกิจให้ราบรื่นต้องอาศัยปัจจัยหลายประการและต้องพึ่งพาการทำงานที่สอดคล้องกันของหลายภาคส่วนทั้งงานหน้าบ้านและหลังบ้าน การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยขับเคลื่อนกระบวนการต่าง ๆ ของธุรกิจให้มีความสะดวก มั่นคง และไม่ติดขัด ช่วยยกระดับการทำงานขององค์กรให้พร้อมรับมือกับความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภค ตลอดจนความเปลี่ยนแปลงในแง่ต่าง ๆ และนี่คือ 3 เครื่องมือทางเทคโนโลยีสุดทรงพลังที่จะช่วยคุณบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างราบรื่น

  • Cloud ERP เพื่อการบริหารงานภายใน

การทำธุรกิจล้วนต้องเกี่ยวข้องกับการจัดการรายรับ รายจ่าย การวางบิล บัญชีลูกหนี้และบัญชีเจ้าหนี้ การจ่ายเงินเดือน การตรวจสอบสินค้าคงคลัง ฯลฯ และหากการจัดการธุรกิจด้วยวิธีเดิม ๆ ของคุณมีความซับซ้อนอยู่แล้ว สถานการณ์ปัจจุบันยิ่งจะทำให้การบริหารงานมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ดังนั้น คุณจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมดให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย Enterprise Resource Planning (ERP) ซึ่งเป็นระบบการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีความยืดหยุ่นและตอบสนองงานภายในได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Cloud ERP ซึ่งเป็นการบริหารจัดการข้อมูลภายในองค์กรที่ดำเนินการผ่านระบบคลาวด์ (Cloud) ซึ่งจะช่วยคุณจัดการกับงานบริหารทั้งหมดภายในองค์กรทั้งในส่วนของทรัพยากรมนุษย์และการวางแผนงานในด้านการจัดการสินค้าและบริการ รวมถึงคลังสินค้า การส่งออก ตลอดจนการจัดการด้านบัญชีทั้งหมดให้เป็นไปโดยอัตโนมัติและง่ายขึ้น อีกทั้งช่วยสรุป วางแผนงาน จัดการกับงบประมาณ และรายงานสถานะทางการเงิน รวมถึงจัดการกับกระบวนการอื่น ๆ ได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผู้บริหารองค์กรสามารถมองเห็นการดำเนินงานได้ทั้งระบบตามเวลาจริง และยังช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วขึ้น

  • Salesforce Billing เพื่อการจัดการใบวางบิลและใบแจ้งหนี้

ใบวางบิลและใบแจ้งหนี้เป็นเอกสารที่องค์กรหรือบริษัทออกให้กับลูกค้าเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงจำนวนเงินที่ต้องชำระและใช้เป็นเอกสารสำหรับการชำระเงิน ยิ่งองค์กรหรือบริษัทมีขนาดใหญ่เท่าไร ภาระงานด้านใบวางบิลและใบแจ้งหนี้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นอกจากการออกเอกสารดังกล่าวให้ทันกับความต้องการของลูกค้าแล้ว การจัดทำใบวางบิลและใบแจ้งหนี้ก็ยังต้องอาศัยความรอบคอบและความละเอียดรอบคอบเป็นพิเศษ การระบุยอดหรือรายละเอียดผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียวอาจส่งผลต่อความล่าช้าในการชำระเงินและภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือทางธุรกิจได้ การมีซอฟต์แวร์ที่จะช่วยจัดการใบวางบิลและใบแจ้งหนี้อย่าง Salesforce Billing จะช่วยอำนวยความสะดวกให้การออกใบวางบิลและใบแจ้งหนี้ขององค์กรเป็นไปอย่างรวดเร็วและถูกต้องด้วยระบบการออกเอกสารที่ทำงานโดยอัตโนมัติ ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน อีกทั้งลดความยุ่งยากของการชำระเงิน ทำให้กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับใบวางบิลและใบแจ้งหนี้มีความสะดวกมากขึ้นด้วยการทำงานที่ยืดหยุ่น สามารถกำหนดรูปแบบใบวางบิลและใบแจ้งหนี้ได้ด้วยตนเอง สามารถทำงานได้ทั้งบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต และเดสก์ท็อป พร้อมรับการแจ้งเตือนทางอีเมลเมื่อลูกค้าทำการชำระเงินและสามารถดึงสรุปรายงานที่ประกอบด้วยข้อมูลอย่างครบครัน อาทิ วันที่ รายละเอียดผลิตภัณฑ์และบริการ จำนวนเงิน ฯลฯ ได้อย่างง่ายดาย รับเงินได้เร็วขึ้นจากทั่วโลก ช่วยให้มองเห็นภาพรวมในการใช้จ่าย การเรียกเก็บหนี้ และกระแสเงินสดขององค์กรได้เป็นอย่างดี

  • Salesforce CRM เพื่อสร้างกลยุทธ์การขายที่มีประสิทธิภาพ

Customer Relationship Manager (CRM) เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่องค์กรทุกขนาดสามารถนำไปใช้เพื่อการสร้างกลยุทธ์การขายที่มีประสิทธิภาพ การใช้ Salesforce CRM ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ CRM ระดับโลกที่ครอบคลุมทั้งด้านการขาย การตลาด และการบริการจะช่วยให้องค์กรสามารถจัดระเบียบฐานข้อมูลลูกค้า วางแผนและติดตามการขาย ตลอดจนสามารถจัดการปัญหาของลูกค้า เช่น คำขอ การขอข้อมูลติดต่อ ข้อร้องเรียน และกรณีพิพาทต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าปัจจุบันและผู้ที่อาจเป็นลูกค้าในอนาคต (Potential Customer) นี้เองจะช่วยให้คุณสามารถจัดการข้อมูลได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ ซึ่งมีประโยชน์ในการติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมที่สามารถช่วยสร้างกลยุทธ์การขายให้เหมาะสมและแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพเพื่อดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นผ่านระบบ AI สุดชาญฉลาด อันจะนำไปสู่การนำเสนอสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย พร้อมนำเสนอช่องทางการติดต่อแบบ 1:1 ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าถูกให้ความสำคัญ ส่งผลต่อความความภักดี ความมั่นคง และความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อองค์กรได้เป็นอย่างดี หรืออีกนัยยะหนึ่งก็หมายถึงรายได้ขององค์กรที่มากขึ้นนั่นเอง

 

เมื่อเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาขึ้นในรูปแบบเครื่องมือทางธุรกิจที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับงานในด้านต่าง ๆ อย่างอัตโนมัติ และด้วยการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวินาที ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการ SME องค์กรขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ หากคุณสามารถเข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลระดับโลกได้เร็วขึ้นเท่าไร ธุรกิจของคุณก็ยิ่งจะเติบโตได้เร็วขึ้นและมั่นคงขึ้นได้เท่านั้น